12 วิธีประหยัดไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด

วิธีที่ฉลาด คือ ใช้ให้น้อยลง

การผลิตไฟฟ้าจำเป็นต้องใช้พลังงานมาก พลังงานความร้อนส่วนใหญ่ได้มาจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก๊าซ หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ การใช้เครื่องทำน้ำอุ่นหรือเครื่องทำความร้อนนั้นเป็นสิ่งที่ไร้ประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง เพราะก่อนที่ไฟฟ้าจะถูกส่งไปถึงบ้านของพวกเรานั้น พลังงานประมาณ 60 เปอร์เซนต์ในโรงไฟฟ้าจะหายไปในรูปของความร้อนสูญเปล่า และอีก 10 เปอร์เซนต์หายไปกับสายส่งไฟฟ้าและหม้อแปลง

การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนทั่วโลกนั้นแตกต่างกันอย่างมหาศาลแม้แต่ในประเทศ อุตสาหกรรม โดยในครัวเรือนขนาดทั่วไปของประเทศแถบยุโรปใช้พลังงาน 4,667 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในขณะที่ครัวเรือนในสหรัฐอเมริกาใช้ 11,209 กิโลวัตต์ชั่วโมง และในประเทศญี่ปุ่นใช้ 5,945 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ครัวเรือนในสหรัฐอเมริกาใช้หลอดไฟมากกว่ายุโรปถึง 3 เท่า และใช้ตู้เย็นมากกว่ายุโรป 2 เท่า แต่นี่ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐและยุโรปมีความสะดวกสบายต่างกัน  เพราะมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งกินไฟน้อยกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น 2-10 เท่า ทั้งๆ ที่มีการทำงานเหมือนกัน และส่วนใหญ่มีคุณภาพดีกว่าด้วย  การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดนั้น ทำให้ครัวเรือนขนาดทั่วไปใช้ไฟฟ้าลดลงถึง 1,300 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี โดยได้รับความสะดวกสบายเหมือนเดิม ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาเกือบ 10 เท่า

power-eq

เรามีวิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัยด้วยการตรวจดูอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ โดยสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ดังนี้

  • สายไฟฟ้า
    • สายไฟฟ้าเก่าหรือหมดอายุใช้งาน สังเกตได้จากฉนวนจะแตกหรือแห้งกรอบบวม
    • ฉนวนสายไฟชำรุด อาจเกิดจากหนูหรือแมลงกัดแทะหรือวางของหนักทับ เดินสายไฟใกล้แหล่งความร้อน ถูกของมีคมบาด
    • จุดต่อสายไฟต้องให้แน่น หน้าสัมผัสให้ดี พันฉนวนให้เรียบร้อยขนาดของสายไฟฟ้า ใช้ขนาดของสายให้เหมาะสมกับปริมาณกระแสที่ไหลในสาย หรือให้เหมาะสมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในวงจรนั้น
    • สายไฟฟ้าต้องไม่เดินอยู่ใกล้แหล่งความร้อน สารเคมี หรือถูกของหนักทับ เพราะทำให้ฉนวนชำรุดได้ง่าย และเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นได้
    • สายไฟฟ้าต้องไม่พาดบนโครงเหล็ก รั้วเหล็ก ราวเหล็ก หรือส่วนที่เป็นโลหะต้องเดินสายไฟฟ้าโดยใช้พุกประกับ หรือร้อยท่อให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วลงบนโครงโลหะ ซึ่งจะเกิดอันตรายขึ้นได้
  • เต้ารับ-เต้าเสียบ
    • เต้ารับ เต้าเสียบ ต้องไม่แตกร้าว และไม่มีรอยไหม้
    • การต่อสายที่เต้ารับและเต้าเสียบ ต้องให้แน่น และใช้ขนาดสายให้ถูกต้อง
    • เต้าเสียบ เมื่อเสียบใช้งานกับเต้ารับต้องแน่น
    • เต้ารับ ต้องติดตั้งในที่แห้ง ไม่เปียกชื้นหรือมีน้ำท่วม และควรติดให้พ้นมือเด็กเล็กที่อาจเล่นถึงได้
  • แผงสวิตช์ไฟฟ้า
    • ต้องติดตั้งในที่แห้งไม่เปียกชื้นและสูงพอควร ห่างไกลจากสารเคมีและสารไวไฟต่าง ๆ
    • ตรวจสอบดูว่ามี มด แมลงเข้าไปทำรังอยู่หรือไม่ หากพบว่ามี ให้ดำเนินการกำจัด
    • อย่าวางสิ่งกีดขวางบริเวณแผงสวิตช์
    • ควรมีผังวงจรไฟฟ้าโดยสังเขปติดอยู่ที่แผงสวิตช์ เพื่อให้ทราบว่าแต่ละวงจรจ่ายไฟไปที่ใด
    • แผงสวิตช์ที่เป็นตู้โลหะควรทำการต่อสายลงดิน
  • สวิตช์ตัดตอนชนิดคัดเอาท์
    • ตัวคัทเอาท์และฝาครอบต้องไม่แตก
    • ใส่ฟิวส์ให้ถูกขนาดและมีฝาครอบปิดให้มิดชิด
    • ห้ามใช้วัสดุอื่นใส่แทนฟิวส์
    • ขั้วต่อสายที่คัทเอาท์ต้องแน่นและใช้ขนาดสายให้ถูกต้อง
    • ใบมีดของตัทเอาท์เมื่อสับใช้งานต้องแน่น
  • เบรกเกอร์
    • ตรวจสอบฝาครอบเบรคเกอร์ต้องไม่แตกร้าว
    • ต้องมีฝาครอบปิดเบรคเกอร์ให้มิดชิด
    • ต้องติดตั้งในที่แห้งไม่เปียกชื้นและห่างไกลจากสารเคมีสารไวไฟต่าง ๆ
    • เลือกเบรคเกอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
  • ตู้เย็น-ตู้แช่
    • ให้ตรวจสอบตู้เย็น ตู้แช่ ว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่ โดยใช้ไขควงเช็คไฟ หากพบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วให้แก้ไขก่อนใช้งานต่อไป
    • ให้นำแผ่นฉนวน เช่น แผ่นยาง แผ่นพลาสติก ปูบริเวณหน้าตู้เย็น ตู้แช่ และแนะนำให้ผู้ที่จะไปเปิดตู้เย็น ตู้แช่ ให้ยืนอยู่บนแผ่นฉนวนดังกล่าวเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าดูด หากเกิดกรณีกระแสไฟฟ้ารั่ว
    • ควรถอดปลั๊กตู้เย็น ตู้แช่ ออก หากท่านไม่ใช้งานเป็นเวลานานหรือท่านไม่อยู่บ้านเป็นเวลานาน
    • โครงโลหะของตู้เย็น ควรทำการต่อสายลงดิน
  • เครื่องปรับอากาศ
    • ตรวจสอบส่วนที่เป็นโครงโลหะของเครื่องปรับอากาศ (ซึ่งบุคคลสามารถเข้าไปจับต้องหรือสัมผัสได้) ว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่ โดยใช้ไขควงเช็คไฟหากพบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วให้ดำเนินการซ่อมแซม
    • สายไฟฟ้าที่ใช้ต่อเข้าเครื่องปรับอากาศ ต้องใช้ขนาดที่ถูกต้องตามพิกัดการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ
    • จุดต่อสายและจุดเข้าปลายสายทุกจุด ต้องทำให้แน่นและปิดฝาครอบหรือพันฉนวนให้เรียบร้อย
    • เครื่องปรับอากาศต้องไม่ติดตั้งใกล้สารหรือวัตถุไวไฟ
    • หากขณะใช้งานเครื่องปรับอากาศมีเสียงดังมากผิดปกติ ควรให้ช่างตรวจสอบและแก้ไข
    • ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้ เมื่อท่านออกจากบ้าน
  • หม้อหุงข้าว
    • ตรวจสอบส่วนที่เป็นโลหะของหม้อหุงข้าว โดยใช้ไขควงเช็คไฟหากพบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วให้แก้ไขก่อนใช้งานต่อไป
    • ปลั๊กเสียบของหม้อหุงข้าวต้องไม่แตกร้าวและสายที่ขั้วปลั๊กไม่หักพับและเปลื่อยชำรุด
    • เมื่อเลิกใช้งานต้องถอดปลั๊กออกทันที
    • การใช้หม้อหุงข้าวให้ใส่หม้อหุงข้าวตัวในพร้อมปิดฝาให้เรียบร้อยแล้วจึงเสียบปลั๊กใช้งาน
    • การจับยกถือหม้อหุงข้าวให้ถอดปลั๊กให้เรียบร้อยก่อน
  • เครื่องซักผ้า
    • ปลั๊กเสียบของเครื่องซักผ้า ต้องไม่แตกร้าว และสายที่ขั้วปลั๊กไม่หักพับและเปื่อยชำรุด
    • ปลั๊กเสียบของเครื่องซักผ้าเมื่อเสียบเข้ากับเต้ารับต้องให้แน่น
    • ให้ตรวจสอบส่วนที่เป็นโครงโลหะของเครื่องซักผ้า โดยใช้ไขควงเช็ดไฟหากพบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วให้ดำเนินการซ่อมแซม
    • โครงโลหะของเครื่องซักผ้า ควรทำการต่อสายดิน
    • ผู้ใช้เครื่องซักผ้า ร่างกายต้องไม่เปียกชื้นและไม่ยืนอยู่บนพื้นที่เปียกแฉะขณะจับต้องเครื่องซักผ้า
    • เมื่อเลิกใช้งานต้องถอดปลั๊กเสียบออกทันที
  • พัดลมตั้งพื้น
    • ขณะใช้งานหากพัดลมมีเสียงดังผิดปกติ หรือมีกลิ่นไหม้ หรือหยุดหมุนมีเสียงครางให้หยุดใช้พัดลมทันที และนำไปตรวจซ่อมแก้ไข
    • ในที่ที่มีสารไวไฟไม่ควรใช้พัดลม เพราะอาจเกิดประกายไฟ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นได้ ในกรณีที่เป็นพัดลมตั้งพื้น ตั้งโต๊ะ
    • ให้ตรวจสอบส่วนที่เป็นโครงโลหะของพัดลม โดยใช้ไขควงเช็คไฟหากพบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วให้ดำเนินการซ่อมแซม
    • ปลั๊กเสียบของพัดลมต้องไม่แตกร้าว และสายที่ขั้วปลั๊กไม่หักพับและเปื่อยชำรุด
    • เมื่อเลิกใช้งานทุกครั้ง ให้ดึงปลั๊กเสียบออก
  • พัดลมติดเพดาน, ฝาผนัง
    • เมื่อเลิกใช้ทุกครั้งให้ปิดสวิตช์
    • สวิตช์ปิด-เปิดพัดลม ต้องมีฝาครอบไม่แตกร้าว
    • หากสวิตช์พัดลมที่มีฝาครอบเป็นโลหะ ให้ตรวจสอบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่ ตามที่กล่าวมาแล้ว
  • เครื่องปั๊มน้ำไฟฟ้า
    • ให้ตรวจสอบส่วนที่เป็นโลหะของเครื่องปั๊มน้ำไฟฟ้า โดยใช้ไขควงเช็คไฟหากพบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วให้ดำเนินการซ่อมแซม
    • โครงโลหะของเครื่องปั๊มน้ำไฟฟ้า ควรทำการต่อสายดิน
    • ถ้าเครื่องปั๊มน้ำไฟฟ้า มีเสียงดังผิดปกติหรือไม่สามารถปั๊มน้ำขึ้นได้ห้ามใช้งานและดำเนินการตรวจสอบเครื่องปั๊มน้ำทันที
    • ต้องไม่ติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำไฟฟ้าใกล้สารไวไฟ
    • เมื่อเลิกใช้งานให้ปิดสวิตช์ หากเป็นแบบปลั๊กเสียบให้ถอดปลั๊กเสียบออกทุกครั้ง
  • กาต้มน้ำไฟฟ้า
    • ปลั๊กเสียบของกาต้มน้ำไฟฟ้า เมื่อเสียบเข้ากับเต้ารับต้องให้แน่น เนื่องจากกาต้มน้ำไฟฟ้าใช้กระแสไฟฟ้จำนวนมาก
    • เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนที่ปลั๊กเสียบสูง
    • สายไฟฟ้าของกาต้มน้ำไฟฟ้า ต้องไม่เสื่อมสภาพ ฉีกขาด แตกร้าว
    • ให้ตรวจสอบส่วนที่เป็นโครงโลหะของกาต้มน้ำไฟฟ้าโดยใช้ไขควงเช็คไฟหากพบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วให้ดำเนินการซ่อมแซม
    • กาต้มน้ำไฟฟ้า ควรวางอยู่บนสิ่งที่ไม่ติดไฟ เช่น แผ่นกระเบื้อง แผ่นแก้ว และต้องไม่อยู่ ใกล้สารที่ติดไฟ
    • ขณะใช้งาน ต้องระวังอย่าให้น้ำในกาต้มน้ำไฟฟ้าแห้ง
    • เมื่อเลิกใช้งาน ต้องถอดปลั๊กเสียบออกทันที
  • เตารีด
    • เต้าเสียบ(ปลั๊กเสียบ) ของเตารีด ต้องไม่แตกร้าวและสายที่ขั้วปลั๊กไม่หักพับและเปื่อยชำรุด
    • ตรวจสอบสายไฟที่ต่อที่เตารีดต้องให้แน่น เนื่องจากส่วนที่มีการเคลื่อนไหวอาจโยกคลอนในขณะใช้งาน และให้ตรวจสอบปลอกฉนวนยางที่หุ้มสายเข้าเตารีดอย่าให้เปื่อยและชำรุด
    • ปลั๊กเสียบของเตารีดเมื่อเสียบกับเต้ารับต้องให้แน่นเนื่องจากเตารีดใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก
    • เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนที่ปลั๊กเสียบสูง
    • เมื่อเลิกใช้งาน ต้องถอดปลั๊กเสียบออกทันที
    • การใช้งานอย่าวางเตารีดใกล้สิ่งที่จะติดไฟได้ง่ายเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ขึ้นได้
    • สายไฟฟ้าของเตารีดห้ามใช้สายอ่อนธรรมดา เนื่องจากตัวเตารีดอาจไปถูกสายไฟฟ้าทำให้ฉนวน พีวีซี. ละลายเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรหรือผู้ใช้อาจถูกกระแสไฟฟ้าดูดได้ ให้เลือกใช้สายไฟเฉพาะของเตารีด ซึ่งเป็นสายที่มีฉนวน 2 ชั้น และชั้นนอกทนความร้อนได้
    • ขณะใช้เตารีด ผู้ใช้ควรยืนอยู่บนฉนวน เช่น แผ่นยาง หรือแผ่นไม้ตามความสะดวก ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าดูดผู้ใช้ เนื่องจากกระแสไฟฟ้ารั่วที่ตัวเตารีด
    • ตรวจสอบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่
  • เครื่องดูดฝุ่น
    • เต้าเสียบของเครื่องดูดฝุ่น ต้องไม่แตกร้าว และไม่มีรอยไหม้
    • สายไฟฟ้าของเครื่องดูดฝุ่นติดต่อกันเป็นเวลานานมาก(หลายชั่วโมง) เพราะเครื่องจะร้อนมากอาจเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร
    • และอาจเกิดการลุกไหม้ขึ้นได้
    • หมั่นเทฝุ่นในถุงกรองทิ้ง จะช่วยให้เครื่องทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • เครื่องเป่าผมไฟฟ้า
    • เต้าเสียบของเครื่องเป่าผม ต้องไม่แตกร้าว และไม่มีรอยไหม้
    • สายไฟฟ้าของเครื่องเป่าผม ต้องไม่แตกเปื่อยยุ่ย
    • ใช้ไขควงเช็คไฟตรวจสอบส่วนที่เป็นโครงโลหะ หากพบว่าไฟฟ้ารั่วให้แก้ไขก่อนใช้งานต่อไป
  • เตาไฟฟ้า กะทะไฟฟ้า
    • ให้ตรวจสอบส่วนที่เป็นโลหะของเตาไฟฟ้าและกะทะไฟฟ้า โดยใช้ไขควงเช็คไฟ หากพบว่ามีไฟฟ้ารั่วก็ให้แก้ไข
    • สายไฟฟ้าของเตาไฟฟ้า กะทะไฟฟ้า ต้องไม่เสื่อมสภาพ หรือฉีกขาด แตก
    • เต้าเสียบ(ปลั๊กเสียบ) ของเตาไฟฟ้า กะทะไฟฟ้า ต้องไม่แตกร้าว และไม่มีรอยไหม้
    • เตาไฟฟ้า กะทะไฟฟ้า ต้องไม่วางอยู่บนพื้นที่ติดไฟและอยู่ใกล้สารไวไฟ
    • เมื่อเลิกใช้งาน ต้องถอดปลั๊กเสียบออกทุกครั้ง
    • ผู้ใช้เตาไฟฟ้า กะทะไฟฟ้า ควรยืนอยู่บนพื้นฉนวน เช่น แผ่นไม้แห้ง แผ่นยางแห้ง เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าดูดเนื่องจากไฟฟ้ารั่ว
    • ควรระวังอย่าตั้งสิ่งหุงต้มบนเตาไฟฟ้า กะทะไฟฟ้า ทิ้งไว้นาน เพราะอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นได้
  • โทรทัศน์
    • ไม่ควรตรวจซ่อมโทรทัศน์ด้วยตนเอง หากท่านไม่มีความรู้เพียงพอเนื่องจากมีส่วนของไฟฟ้าแรงสูงอยู่ในโทรทัศน์ด้วย
    • เต้าเสียบ(ปลั๊กเสียบ) ของโทรทัศน์ต้องไม่แตกร้าวและสายที่ขั้วปลั๊กไม่หักพับและเปื่อยชำรุด
    • ห้ามเปิดฝาครอบโทรทัศน์ในขณะที่เปิดดูโทรทัศน์อยู่

     

ขอบคุณข้อมูลจาก : การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค